วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประวัติความเป็นมาของตัวละครชื่อ "อิเหนา"


พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัติ กรมหมื่นพิทยาลาภพฤฒิยากร ได้ทรงวิจารณ์เค้ามูลบ่อเกิดของเรื่องอิเหนาไว้โดยละเอียด รวมทั้งข้อมูลของอิเหนา ซึ่งมีตัวตนจริงๆ อยู่ในสมัยปี พ.ศ.๑๕๖๒

นครดาฮา(ดาหา) ในชวา มีกษัตริย์องค์ช่ื่อ ไอรลังคะ มีโอรส ๒ องค์ คือท้าวดาหา กับท้าวกุเรปัน และมีราชธิดาองค์เดียว ชื่อ กุลีสุจี เมื่อ
พระธิดานั้นพอเจริญวัยก็ได้ออกบวชเป็นชี เมื่อถึงคราวกษัตริย์ไอรลังคะจะสวรรคต ได้แบ่งอาณาเขตออกเป็นสองส่วน คือ แคว้นดาหาและกุเรปัน ให้โอรสสองคนนั้นครองคนละแคว้น ต่อมาทั้งสององค์ องค์หนึ่งมีโอรส องค์หนึ่งมีธิดา องค์ที่เป็นชายนั้นคืออิเหนา องค์ที่เป็นหญิงนั้นคือบุษบา พระนางกุลีสุจีที่บวชเป็นชีอยู่ในขณะนั้น แนะนำให้ทายาททั้งสองนครนี้สมรสกัน เพื่ออาณาจักรจะได้กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดังเดิม

อิเหนาเป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพมาก จนกระทั่งวงศ์อิเหนาได้เสื่อมลงเมื่อราวปี พ.ศ.๑๗๖๔ อังรกะ ชิงราชสมบัติจากวงศ์อิเหนาได้ และตั้งราชธานีใหม่ได้ ชื่อสิงหัสสาหรี(สังคัสซารี) ในปี พ.ศ.๑๘๓๖ กษัตริร์ที่สืบวงศ์จากราชาอังรกะ ได้ย้ายราชธานีไปตั้งที่ มัชปาหิต(ใกล้เมืองสุราบายา) และสืบสันติวงศ์มาจนถึงราวปี พ.ศ.๒๐๐๐ และเริ่มเสื่องเพราะตกอยู่ภายใต้อำนาจชาวอินเดีย ที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่อพยพเข้ามาอยู่ในชวา จนได้ตกมาอยู่ในอำนาจของโปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ในที่สุด

ตามที่ได้ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ อิเหนานั้นเป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพมาก ที่มีพระชนมายุอยู่ก่อนสมัยสุโขทัยประมาณ ๔๐๐ ปี ดังนั้นเรื่องที่สืบต่อกันมาจึงไม่ค่อยชัดเจน และกลายเป็นนิทานนิยายออกไปทุกที คล้ายๆกับเรื่องพระร่วงของไทย

นิทานอิเหนา ในชวาเรียกว่า ปันหยี เนื่อเรื่องก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละฉบับ มีทั้งฉบับแปลภาษามาลายู เขมรก็มีเรื่องอิเหนา ซึ่งเนื้อความคล้ายกับฉบับพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ของไทย

เรื่องอิเหนาในชวานั้น ได้รับความยกย่องอย่างมาก เมื่อไทยนำมาสร้างเป็นบทละคร ก็ยิ่งได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่งขึ้นอีก บทละครอิเหนาของไทยครั้งแรก กรุงเก่าใช้แสดงกันเรื่อยมา จนกระทั่งสมัยกรุงธนบุรี ครั้งเมื่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้กวี ช่วยกันรวบรวมแต่งเติมเรื่องอิเหนาไว้

อันอิเหนาเอามาทำเป็นคำร้อง สำหรับงานการฉลองกองกุศล
ครั้งกรุงเก่าเจ้าสตรีเธอนิพนธ์ แต่เรื่องต้นตกหายพลัดพรายไปฯ


ดังที่ปรากฏในบทนำ "แต่เรื่องต้นตกหายพลัดพรายไปฯ" คงเหลือสมบูรณ์อยู่เฉพาะเรื่องดาหลัง หรืออิเหนาใหญ่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครอิเหนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีความไพเราะจนได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรมาแล้ว


แหล่งอ้างอิง : http://lakornram.igetweb.com/index.php?mo=3&art=117554

10 ความคิดเห็น:

  1. รูปสวยดี เข้ากับพื้นหลังของ blog ดี เนื้อหาก็เยอะดี

    ตอบลบ
  2. รูปภาพสีสันสวยงามากกกกกกกกกกกกกก

    เนื้อหาครบถ้วน

    :)

    ตอบลบ
  3. สีหวานมากเข้ากับน้องอรดี

    เนื้อหาครบถ้วน

    รูปสวยๆ :))

    ตอบลบ
  4. สีสดใสดี^^

    มีรูปประกอบด้วย

    เนื้อหาครบถ้วน55

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ22 กรกฎาคม 2552 เวลา 02:10

    สีสวยมากๆอ่ะ
    ฟ้อนต์ก็อ่านง่าย
    รูปก็สวย

    ชอบ :]

    ตอบลบ
  6. ดี ดี

    ชอบสีพื้นหลังจัง สดใสมาก

    หนังสือตัวเล็กไปนิดนึง

    ตอบลบ
  7. ชมพู พิ้งมากอะ
    สวยดีๆ ชอบภาพ เนื้อหาดีด้วย
    น้องอร อินเลิฟอยุ่รึป่าว
    ฮ่าๆ จุ้บๆๆๆ<3

    ตอบลบ
  8. ดูแล้วเครีดเลย



    ดีกว่าเราหลายเท่า TT


    ไปเม้นให้ด้วยยยย

    (ปัน ^^")

    ตอบลบ
  9. สีหวานเจี๊ยบเรยนะ555+สวยดี>_<

    ตอบลบ
  10. การให้คะแนน (อาจารย์อภิษฎา)
    ๑)เนื้อหาค่อนข้างดี คือ มีการกล่าวถึงเค้ามูลบ่อเกิดของเรื่องอิเหนาว่าเป็นอย่างไร โดยอ้างอิงมาจากคำวิจารณ์ของกรมหมื่นพิทยาลาภ ซึ่งบอกว่าอิเหนามีตัวตนจริง ๆในทางประวัติศาสตร์ และเริ่มกล่าวถึงอิเหนาในชวาและในไทย
    ๒)ส่วนการอ้างอิงเว็บไซต์ยังไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงได้คะแนนน้อย
    ๓)การจัดวางองค์ประกอบในเว็บไซต์ดี ตัวหนังสือและเมื่อจะย่อหน้ามีการเคาะเว้นระหว่างย่อหน้า คำกลอนก็มีการเคาะเว้นระหว่างคำกลอนกับตัวบท
    ๔)แสดงความเห็นให้เพื่อนและมีเพื่อนแสดงความเห็นค่อนข้างเยอะจึงได้คะแนนในส่วนนี้ดี

    ตอบลบ